การรับราชการตำรวจและการเมือง ของ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

เสรีพิศุทธ์จบศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนทวีธาภิเศก จากนั้นจึงได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 8 (ตท.8) เคยรับราชการอยู่ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ช่วง พ.ศ. 2515-2524 ได้ต่อสู้ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดเดี่ยว และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร และเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1[8] ซึ่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้ทำพิธีสถาปนาให้เป็นขุนพลของประชาชน ณ ศาลาประชาคม จังหวัดนครพนม ด้วยผลงานที่เสรีพิศุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ จนได้รับการขนานนามว่า "วีรบุรุษนาแก"[9] นอกจากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฯยังได้รับพระราชทานรางวัล “คนไทยตัวอย่าง”[ต้องการอ้างอิง] รางวัล “บุคคลดีเด่นของชาติ” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ[ต้องการอ้างอิง] รางวัล “ข้าราชการที่ประพฤติตนชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ[ต้องการอ้างอิง] ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลายมหาวิทยาลัย

เขาเคยดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการกองปราบปราม เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อ พ.ศ. 2533-2534 วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2534 ได้มีผู้วางระเบิดห้องทำงานเขาขณะดำรงตำแหน่งดังกล่าว[10] และต้องพ้นจากตำแหน่ง ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น เสรีพิศุทธ์ นัยว่า เพื่อแก้เคล็ด เนื่องจากชื่อไม่ถูกโฉลก [11]

เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2) ได้จับกุม และดำเนินคดีกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้กว้างของของจ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะที่เข้าไม้แก้ว จนศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกกำนันเป๊าะ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฯ มีภาพลักษณ์เป็นนายตำรวจมือปราบที่ซื่อตรง ได้ฉายาว่า "มือปราบตงฉิน"[ต้องการอ้างอิง] ผู้มีอำนาจในหลายรัฐบาลมักเลือกเขาให้เข้ามาสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญที่สังคมและสื่อตั้งข้อสงสัย[ต้องการอ้างอิง] มีการจับกุมนักการเมือง รัฐมนตรี เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลหลายต่อหลายคน[ต้องการอ้างอิง] ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเมืองบ่อยครั้ง โดยมักถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้ควบคุมกำลัง เช่น กองวิทยาการตำรวจ หรือ ประจำกรมตำรวจ เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง]

กระนั้น เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จเรตำรวจแห่งชาติคนแรก ที่ปรึกษา สบ.10[ต้องการอ้างอิง]

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เขาได้รับแต่งตั้งให้รักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 แทน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่ได้รับคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้มีประกาศ ฉบับที่ 1 แต่งตั้งเขาเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ

ในการสับเปลี่ยนกำลังพลครั้งแรก เขาย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาล วิโรจน์ จันทรังษี ไปต่างจังหวัด ผู้ใกล้ชิดกับอดีต ผบ.ตร. โกวิท วัฒนะและอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรถูกย้ายไปตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจ ขณะเดียวกัน เขาเลื่อนยศนายตำรวจหลายนายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ อดิศร นนทรีย์ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยใกล้ชิดของเสรีพิศุทธ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโท ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี พี่ชายของภรรยาเขา ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท เจตนากร นภีตะภัฏ ซึ่งสมรสกับน้องสาวของภรรยาสุรยุทธ์ จุฬานนท์เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9[12]

เมื่อครั้งมีการยื่นเรื่องให้ถอดพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี พลตำรวจโท ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ซึ่งปฏิเสธยื่นข้อกล่าวหาความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ต่อนักเคลื่อนไหวที่ยื่นเรื่องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายครอบคลุมเฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น สองวันต่อมาเสรีพิศุทธ์ลดยศเขา[13]

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 พ.ต.อ. ทินกร มั่งคั่ง อดีตนายเวร ที่ถูกเขาปลดออกจากราชการ ลงนามหนังสือร้องเรียนถึงสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้ลงรับหนังสือร้องเรียนทั้ง 3 ฉบับ ไว้พร้อมกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 วันรุ่งขึ้น สมัครออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ออกคำสั่งย้ายเขาไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน[14][15] วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 สมัครก็ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 73/2551 ให้เขาออกจากราชการไว้ก่อน วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เสรีพิศุทธ์แถลงข่าวว่าตนถูกปล้นตำแหน่ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม[16]

ต่อมาเมื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้ยุติการสอบสวน และยกเลิกคำสั่งให้เสรีพิศุทธ์ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553 รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 364 วัน[ต้องการอ้างอิง]

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้องร้อง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในคดีหมิ่นประมาท แต่ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องในที่สุด[17]

การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556

ในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฯ ได้เปิดตัวแสดงเจตนาที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในนาม "กลุ่มพลังกรุงเทพ"[18] โดยได้เบอร์ 11 และได้รับคะแนนทั้งสิ้น 166,582 คะแนน โดยมีคะแนนเป็นอันดับสามต่อจากพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค และอันดับหนึ่งจากผู้สมัครอิสระที่ไม่สังกัดพรรคอีก 23 คน [19]

รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557

ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขากล่าวผ่านสื่อวิพากษ์วิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลหลายครั้งหลายคราว รัฐบาลสนองด้วยการออกหมายเรียก[20] วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ในข้อหากระทำการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ[21]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส http://pages.citebite.com/j1y1w3x7r5kyr http://hilight.kapook.com/view/38058 http://nationmultimedia.com/2007/04/05/headlines/h... http://www.nationmultimedia.com/2008/02/29/politic... http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.asp... http://www.komchadluek.net/news/crime/223151 http://www.komchadluek.net/news/politic/217265 http://libdcms.nida.ac.th/ejournalpni2/pni01/INTR/... http://www.dailynews.co.th/politics/151525 http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsi...